ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ก็แค่ไปร้านกระจกก็จบ ซึ่งมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอย่างนั้น โดยปกติรถที่มีประกันชั้นหนึ่ง ไม่ค่อยมีปัญหากรณีกระจกหน้าแตก เพราะเลี้ยวเข้าร้านกระจกก็จบ เนื่องจากร้านกระจกส่วนใหญ่จะติดต่อกับบริษัทประกันภัยโดยตรง บริษัทประกันภัยเองก็ไม่อยากจะให้เจ้าของรถเข้าไปเปลี่ยนกระจกในศูนย์บริการโดยตรง ก็ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระจกที่ศูนย์บริการของค่ายรถยนต์ มันสูงกว่าร้านกระจกเป็นเท่าตัว
โดยปกติเวลาที่เรานำรถเข้าไปเปลี่ยนกระจกตามร้านกระจกทั่วไป ราคากระจกรถยนต์ทั่วๆ ไปก็จะอยู่ประมาณ 3,000-4,500 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการคิดราคาของร้าน หลายร้านคิดราคากระจกถูก แต่คิดค่าแรง ค่าเทปกาวหรือซิลิโคนต่างหาก บางร้านคิดราคาเหมือนแพง แต่คุณไม่ต้องจ่ายค่าอื่นๆ เรียกว่าเบ็ดเสร็จในราคากระจกรถยนต์เดียว การเลือกกระจก อย่างแรกที่สำคัญ คือ ต้องตรงรุ่น อย่างที่ 2 คือ กระจกต้องมีเครื่องหมาย มอก. เป็นกระจกที่ผ่านมาตรฐาน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาตามมา เช่น มีเสียงลมเข้า มีน้ำรั่ว มีฝุ่นและกลิ่นรั่วเข้ามา โดยส่วนมากเมื่อเกิดอาการนี้ เรามักคิดว่าเป็นเพราะการติดตั้งไม่ดี แต่น้อยคนจะรู้ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะว่ากระจกบิดเบี้ยวอันเนื่องมาจากขั้นตอนการผลิต หาได้มาจากการติดตั้งไม่ ?
เมื่อกระจกแตกสิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ทำใจไม่ต้องซีเรียสถ้ามีประกันชั้นหนึ่งก็สบายใจไป กรณีที่รถคุณมีประกันชั้นหนึ่ง บริษัทประกันก็จะพยายามยัดเยียดให้คุณไปเปลี่ยนตามร้านกระจกชั้นนำ เมื่อเข้าไปเปลี่ยนแล้วคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อใดคุณยืนกรานว่า จะเอาเข้าไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการของรถที่คุณใช้ จะเกิดปัญหาตามมาทันที คือ เรื่องของค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ประกันจะไม่รับผิดชอบ เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายพวกน้ำยาทำความสะอาดคราบกาว แถบกาว กิพยึดรางกระจก หรือแม้กระทั่งคิ้วขอบกระจก ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้ ประกันจะไม่รับผิดชอบ รวมแล้วสนนราคากระจกรถยนต์พอๆ กับกระจกหนึ่งบานเลยทีเดียว
ทำไมราคากระจกรถยนต์ค่าใช้จ่ายถึงได้ต่างกันขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่า การนำกระจกติดเข้าไปกับตัวถังต้องใช้กาวกิพยึดต่างๆ และคิ้วกรอบกระจก เพื่อให้กระจกแนบสนิทกับตัวถังมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรั่วซึมทั้งจากลม, เสียง และน้ำ เมื่อกระจกแตกจำเป็นต้องรื้อสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทิ้งไป เพราะการออกแบบนั้น ออกแบบมาให้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และศูนย์บริการต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดตามคู่มือ แต่ร้านกระจกทั่วไปนั้นจะมีความชำนาญมากกว่าศูนย์บริการมากมาย เพราะวันๆ หนึ่งเปลี่ยนกระจกหลายคัน แต่ในศูนย์บริการนั้น นานๆ ครั้งจะมีเข้าไปเปลี่ยนสักครั้ง ความชำนาญจึงน้อยกว่า ด้วยความชำนาญนี่เอง ทำให้สามารถรื้อกิพและคิ้วกรอบกระจกออกมาได้ง่ายและไม่เสียรูปทรง จึงสามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นคนช่างสังเกตจะเห็นว่าการประกอบกลับเข้าไปนั้น ไม่แนบสนิทเหมือนเดิม แต่ช่างมีกรรมวิธีในการติดตั้งโดยใช้แถบกาวและซิลิโคน ช่วยในการติดตั้ง ภายหลังจากการติดตั้งจึงมักจะมีปัญหาตามมาเรื่องของเสียงลม น้ำหรือแม้กระทั่งฝุ่นรั่วเข้าห้องโดยสาร