เครื่องกรองน้ำ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดูแลรักษาสุขภาพ ปรับปรุงรสชาติน้ำให้น่าดื่ม

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ การมีน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในปัจจุบัน เครื่องกรองน้ำ ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในทุกครัวเรือน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ดื่มนั้นปราศจากสิ่งปนเปื้อนและเชื้อโรคต่างๆ

น้ำประปาหรือน้ำบาดาลที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน อาจมีสิ่งปนเปื้อนหลายชนิด เช่น
– ตะกอน หิน ทราย และสารแขวนลอย
– เชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่ก่อโรค
– สารเคมีตกค้าง เช่น คลอรีน
– โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว เหล็ก
– สารอินทรีย์ที่ทำให้น้ำมีกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์

การกรองน้ำจึงเป็นวิธีการที่จะช่วยกำจัดสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ และทำให้น้ำมีคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับการบริโภค
ประเภทของเครื่องกรองน้ำ
1. เครื่องกรองน้ำแบบตั้งโต๊ะ
– ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับครอบครัวเล็ก
– ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเจาะท่อน้ำ
– ราคาประหยัด
– ความจุน้ำค่อนข้างน้อย ต้องเติมน้ำบ่อย
2. เครื่องกรองน้ำแบบติดผนัง
– ประหยัดพื้นที่ใช้สอย
– มีระบบกรองหลายขั้นตอน
– เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่
– ต้องมีการเจาะติดตั้งกับท่อน้ำประปา
3. เครื่องกรองน้ำแบบใต้อ่างล้างจาน
– ซ่อนเก็บได้เรียบร้อย ไม่เกะกะ
– มีระบบกรองที่ซับซ้อน
– เหมาะสำหรับครัวขนาดใหญ่
– ต้องมีพื้นที่ติดตั้งใต้อ่าง

เทคโนโลยีการกรองน้ำ
1. ไส้กรองเซรามิค
– กรองตะกอนขนาดใหญ่
– กำจัดสิ่งแขวนลอยในน้ำ
– อายุการใช้งาน 6-12 เดือน
– สามารถล้างทำความสะอาดได้
2. ไส้กรองคาร์บอน
– ดูดซับกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์
– กำจัดคลอรีนและสารเคมีอื่นๆ
– ปรับปรุงรสชาติของน้ำ
– ควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน
3. เมมเบรน RO (Reverse Osmosis)
– กรองละเอียดระดับโมเลกุล
– กำจัดโลหะหนักและสารปนเปื้อน
– กรองเกลือแร่และแร่ธาตุออกจากน้ำ
– อายุการใช้งาน 2-3 ปี
4. ระบบ UV
– ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์
– ไม่ใช้สารเคมี
– ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อ
– ต้องเปลี่ยนหลอด UV ทุก 1 ปี

การเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ
ในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. คุณภาพน้ำในพื้นที่
– ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่
– พิจารณาปัญหาน้ำที่พบบ่อย
– เลือกระบบกรองที่เหมาะสมกับปัญหา
2. ขนาดครอบครัวและปริมาณการใช้น้ำ
– ประเมินความต้องการใช้น้ำต่อวัน
– เลือกขนาดเครื่องให้เหมาะสม
– คำนึงถึงอัตราการกรองน้ำ
3. พื้นที่ติดตั้ง
– วัดขนาดพื้นที่ที่มี
– พิจารณารูปแบบการติดตั้ง
– คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน
4. งบประมาณ
– ราคาเครื่องกรองน้ำ
– ค่าติดตั้ง
– ค่าบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรอง

การดูแลรักษาเครื่องกรองน้ำ
เพื่อให้เครื่องกรองน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรดูแลรักษาดังนี้
1. การทำความสะอาดประจำวัน
– เช็ดทำความสะอาดภายนอก
– ดูแลก๊อกน้ำให้สะอาด
– ตรวจสอบการรั่วซึม
2. การบำรุงรักษาตามระยะ
– เปลี่ยนไส้กรองตามกำหนด
– ล้างถังเก็บน้ำทุก 3-6 เดือน
– ตรวจสอบการทำงานของปั๊มน้ำ
3. การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
– สังเกตความผิดปกติ
– ตรวจสอบแรงดันน้ำ
– ติดต่อช่างเมื่อพบปัญหาซับซ้อน

ข้อควรระวังในการใช้เครื่องกรองน้ำ
1. ไม่ควรปล่อยให้น้ำค้างในเครื่องนานเกินไป
2. หมั่นตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ผ่านการกรอง
3. ไม่ควรใช้น้ำร้อนผ่านเครื่องกรอง
4. เปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหหนด

เครื่องกรองน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของคนในครอบครัว การเลือกซื้อและดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้น้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพ การลงทุนในเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและที่สำคัญคือการมีสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว